ประวัติวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และความสำคัญที่คุณต้องรู้

วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

วัดเทพศิรินทร์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของความเป็นชาติไทยมาอย่างยาวนาน 

วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับพระอารามหลวงที่มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดาแห่งนี้กันมากขึ้น เชื่อว่าเมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว คุณจะต้องอยากชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยว วัดเทพศิรินทราวาส อย่างแน่นอน

วัดเทพศิรินทร์ มีกี่ศาลา <–คลิกอ่าน

วัดเทพศิรินทร์ mrt สถานีไหน <–คลิกอ่าน

ประวัติวัดเทพศิรินทร์ <–คลิกอ่าน

วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

ยาวไป เลือกอ่านหัวข้อที่ต้องการ

ประวัติความเป็นมาของวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

ประวัติวัดเทพศิรินทร์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า  ‘วัดเทพศิรินทร์’ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย บริเวณข้าง ๆ โรงเรียนเทพศิรินทร์และสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร

 

แต่เริ่มเดิมทีพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอารามขึ้น เพื่อทรงเฉลิมพระเกียรติ และทรงอุทิศพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี  พระบรมราชชนนีของพระองค์ (มารดา) ของพระองค์

 

วัดเทพศิรินทร์ดำเนินการก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2419 โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ (พระองค์เจ้าชมพูนุช) เป็นผู้ออกแบบและกำกับงานก่อสร้าง 

 

กระทั่งเสร็จสิ้นลงในปี พ.ศ.2421 สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อาราธนาพระอริยมุนีมาจากวัดบวรนิเวศมายังวัดเทพศิรินทร์ พร้อมทั้งทรงบำเพ็ญพระราชกุศล แล้วประกาศพระราชทานวิสุงคามสีมา และพระราชทานนามอารามแห่งนี้ว่า วัดเทพศิรินทราวาส ตามพระนามแห่งองค์พระราชชนนี

 

หลังจากนั้น ในปี พ.ศ.2439 สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง สุสานหลวง ไว้ภายในวัด เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นฌาปนสถานสำหรับถวายพระเพลิงพระศพของเจ้านาย และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ไม่ได้สร้างพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวง

 

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สุสานหลวงแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นที่ปลงศพของประชาชนทุกชนชั้นทุกบรรดาศักดิ์ อันนับว่าเป็นสิ่งที่แปลกไปจากธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่จะไม่มีการสร้างฌาปนกิจสถานภายในพระอารามหลวง

 

เหตุนี้  วัดเทพศิรินทร์จึงดำรงสถานะเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีสุสานหลวงอยู่ภายในวัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

วัดเทพศิรินทร์ ภาษาอังกฤษ คือ Debsirin Temple, Wat Debsirin

ของที่ระลึกงานศพ นิพพานกิฟ

 

เมรุหลวง วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
เมรุหลวง วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

 

YouTube video

 

สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร มีความสำคัญอย่างไร

 เนื่องจากเป็นสุสานหลวงเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในเขตพระอารามหลวง สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร จึงได้รับความสนใจจากนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีเป็นอย่างมาก 

เนื่องจากเดิมทีแล้ว สถานที่ปลงศพหรือเมรุปูนที่สร้างขึ้นสำหรับเผาศพสามัญชนนั้นจะไม่มีการสร้างขึ้นภายในพระอารามหลวงซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์และเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์

 

แต่รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างฌาปนกิจสถานสำหรับเจ้านายและพระราชวงศ์ที่ไม่ได้มีบรรดาศักดิ์สูงพอที่จะสร้างพระเมรุบริเวณทุ่งพระเมรุหรือท้องสนามหลวง ตลอดจนใช้สำหรับการปลงศพสามัญชนทั่วไป

 

จึงนับว่ามีความน่าสนใจมาก และสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกทัศน์ของชนชั้นสยามในรัชสมัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้น ภายใน สุสานหลวงวัดเทพศิรินทร์ ยังประกอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลับพลาอิสริยาภรณ์ ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นที่ตั้งพระศพพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอิศริยาภรณ์ เมื่อ พ.ศ.2437 อันนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจัดพิธิพระราชทานเพลิงศพภายในวัดเทพศิรินทร์ นับตั้งแต่สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2421

และพลับพลาอิสริยาภรณ์ดังกล่าวก็ถูกใช้เป็นศาลาที่ประทับ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาพระราชทานเพลิงในครั้งนั้น และยังดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงพระเมรุที่ถูกใช้สำหรับประกอบพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในปี พ.ศ.2558 ด้วยเช่นกัน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสุสานหลวงอีกประการหนึ่ง คือ  ตำแหน่งที่ตั้งของสุสานหลวงนั้นจะหันไปทางทิศตะวันตก  ขณะที่ โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันนั้นหันไปทางทิศตะวันออก  ส่วนหน้าวัดเทพศิรินทร์และเขตพุทธาวาสตั้งอยู่ในส่วนกลาง

 

มีนัยยะในเชิงสัญลักษณ์เปรียบได้ดั่งชีวิตปุถุชนที่เริ่มจากวัยเยาว์ที่เริ่มศึกษาหาความรู้ วัยกลางคนที่เริ่มเข้าหาธรรมะ และไปสิ้นสุดลงที่ปัจฉิมวัยที่สุสานหลวงดุจดั่งดวงตะวันที่คล้อยต่ำลงลับขอบฟ้า

 

ความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมของวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

วัดเทพศิรินทร์ เป็นหนึ่งในพระอารามหลวงในกรุงเทพมหานครที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามและทรงคุณค่ามากมาย เหมาะแก่การเที่ยวชมเพื่อศึกษาความเป็นมาของสถาปัตยกรรมแต่ละชนิด ซึ่งเราได้คัดเลือกมาแนะนำให้คุณได้รู้จัก ดังนี้

 

1. พระอุโบสถ

พระอุโบสถ วัดเทพศิรินทร์

ความโดดเด่นของพระอุโบสถของวัดเทพศิรินทร์ปรากฎที่สถาปัตยกรรมอันงดงามที่ถูก สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง  ไม่ว่าจะเป็นเสาพาไลขนาดใหญ่ภายนอกพระอุโบสถ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี พื้นอุโบสถที่ปูด้วยหินอ่อน

ซุ้มประตูและหน้าต่างที่มีการสลักลวดลายปูนปั้นเป็นทรงพระมหามงกุฏกระเบื้องเคลือบ ซุ้มประตูหน้าต่างด้านมีลวดลายรูปซุ้มเครือไม้ดอกผูกล้อมตราพระเกี้ยวที่อยู่เหนือพานรองสองชั้น พร้อมช้างสามเศียรยืนบนแท่นทูนพานเครื่องสูง มีราชสีห์กับคชสีห์ประกอบเครื่องสูงทั้งสองข้างตลอดจนหน้าบันที่ประดับลวดลายเป็นรูปพระเกี้ยว ซึ่งเป็นพิจิตรเลขาประจำรัชกาลในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ที่สำคัญที่สุด และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยว คือ  การตกแต่งภายในพระอุโบสถที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นเพดานด้านในพระอุโบสถที่มีการตกแต่งด้วยลายรดน้ำ ชาด และสลักลวดลายเป็นรูปเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 5 ตระกูล มีความวิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก และหาดูได้เพียงในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทร์เท่านั้น 

 

2. พระนิรันตราย

พระนิรันตรายเป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาไว้ที่วัดแห่งนี้ในปี พ.ศ.2421 ตามราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่โปรดให้สร้างถวายแก่วัดในธรรมยุตินิกายซึ่งก็คือวัดเทพศิรินทร์แห่งนี้นี่เอง

 

3. พระประธาน วัดเทพศิรินทร์

พระประธานในพระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
พระประธานในพระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนฐานชุกชี – ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก MGROnline.com

 

 พระประธาน วัดเทพศิรินทร์ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2427  ประดิษฐานอยู่ตรงกลางปราสาทจัตุรมุข โดดเด่นด้วยสีทองอร่ามตา เป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นไปตาม ๆ กัน

 

4. พระพุทธรูปอื่น ๆ ที่มีความสำคัญ

ประกอบด้วย พระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี (พระพุทธรูปยืนทรงเครื่อง ปางห้ามสมุทร สูง 1.73 เมตร) พระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ (พระพุทธรูปหล่อ ยืนทรงเครื่อง ปางห้ามพระแก่นจันทน์ สูง 1.50 เมตร) และพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก

 

พิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

พิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

นอกจากสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีแล้ว  ภายในวัดเทพศิรินทร์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นอุทิศให้กับพุทธศาสนาแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย 

ตัวอาคารมีลักษณะเป็นอาคารแบบตะวันตก สูง 2 ชั้น ภายในจัดแสดงพุทธประวัติ ประวัติของรัชกาลที่ 5 และวัดเทพศิรินทร์ ในรูปแบบสี่มิติ ผ่านการผสมผสานทั้งคอมพิวเตอร์กราฟฟิค แอนิเมชั่น และพรีเซ็นเทชั่น ช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างดี

โดยผู้ที่สนใจอยากเข้าชมพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา วัดเทพศิรินทร์นั้น สามารถเข้าชมได้ในวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 08:00 – 17:00 น. โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด

 

YouTube video

วัดเทพศิรินทร์ทราวาสราชวรวิหาร มีพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาสุดไฮเทค ใช้สื่อมัลติมีเดียรวมถึง 3 มิติในการเล่าเรื่องของพระพุทธเจ้า

 

YouTube video

รายการศาสตรศึกษา : ตอน พิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร

 

 

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร รัชกาลที่ 5 ทรงเพาะเมล็ดมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา – ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก MGROnline.com

 

เจ้าคุณนร วัดเทพศิรินทร์

วิหารอัฐิท่านเจ้าคุณนร
วิหารอัฐิท่านเจ้าคุณนร – ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก MGROnline.com

 

ประวัติท่านเจ้าคุณนรรัตน์ (ธมฺมวิตกฺโก ภิกฺขุ)

 

YouTube video

 

โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนเทพศิรินทร์ — ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก facebook.com/Bangkokpulse/

 

แม่รำเพย

สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี

We're DEBSIRIN

วัดเทพศิรินทร์ อยู่ตรงไหน

ที่ตั้ง วัดเทพศิรินทร์, วัดเทพศิรินทร์ ที่อยู่, วัดเทพศิรินทราวาส ที่อยู่ – 1466 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100

วัดเทพศิรินทร์ เบอร์โทร – 02-621-8221  หรือ  02-221-8877

 

 

วัดเทพศิรินทราวาส แผนที่

วัดเทพศิรินทราวาส แผนที่
วัดเทพศิรินทราวาส แผนที่ – ขอขอบคุณ รูปภาพจาก Debsirin.ac.th

 

วัดเทพศิรินทร์ มีกี่ศาลา

วัดเทพศิรินทร์มีทั้งหมด 16 ศาลา ดังต่อไปนี้

ศาลา 1 –  เตชะอิทธิพร

ศาลา 2 – สุวรรณศิลป์

ศาลา 3 – ห้างขายทอง 2

ศาลา 4 – ชุนกี

ศาลา 5 – สีห์โสภณ

ศาลา 6 – ห้างขายทอง 1

ศาลา 7 – เวชชาชีวะ

ศาลา 8 – จารุภัสสร์

ศาลา 9 – ภาณุรังษี

ศาลา 10 – สุพรรณานนท์

ศาลา 11 – กวี นิรมิต

ศาลา 12 – จิรกิติ

ศาลา 13 – มณเฑียร

ศาลา 14 – สุวรรณวนิชกิจ

ศาลา 15 – สหัท หงษ์ มหาคุณ

ศาลา 16 – ศรีอรทัย

.

วัดเทพศิรินทร์ การเดินทาง

การเดินทางไปยังวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร วัดเทพศิรินทร์ ไปยังไง – หากคุณต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวยังวัดเทพศิรินทร์ก็สามารถเดินทางไปง่าย ๆ ได้หลายช่องทาง ดังนี้

 

วัดเทพศิรินทร์ รถไฟฟ้า BTS

วัดเทพศิรินทร์ รถไฟฟ้า BTS – ให้ลงที่ BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ จากนั้นสามารถต่อรถประจำทางสาย 15, 47, 48, 204, ปอ.508 หรือแท็กซี่มายังวัดเทพศิรินทร์ได้โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

 

วัดเทพศิรินทร์ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT

วัดเทพศิรินทร์ mrt สถานีไหน – ให้ลงที่ MRT สถานีหัวลำโพง จากนั้นให้เดินออกทางออกที่ 2 แล้วให้เรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือจะเดินเลียบคลองไปยังวัดเทพศิรินทร์ก็ได้เช่นกัน

 

รถประจำทาง

คุณสามารถนั่งรถประจำทางสาย 15, 47, 48, ปอ.48, 53, 204, ปอ.508 มาลงที่ป้ายหน้าโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ได้เลย

 

รถยนต์ส่วนตัว

หากคุณต้องการขับรถยนต์ส่วนตัวมาเที่ยววัดเทพศิรินทร์ก็สามารถหาที่จอดรถได้ที่ลานหน้าสุสานหลวง หรือหากเป็นช่วงวันเสาร์ก็สามารถจอดที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ได้เช่นกัน

 

วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นหนึ่งในพระอารามหลวงที่นอกจากจะมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น วิจิตรงดงาม และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง 

ดังนั้น ผู้ที่ไม่เคยแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมวัดเทพศิรินทร์มาก่อน โดยเฉพาะพระอุโบสถที่ขึ้นชื่อในด้านความงดงาม จึงควรต้องเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต นอกจากนั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาที่ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ เหมาะแก่การพาเด็ก ๆ เข้าไปเรียนรู้พุทธประวัตินอกสถานที่ ช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ และเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับพวกเขาได้เป็นอย่างดี

 

4 Replies to “ประวัติวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และความสำคัญที่คุณต้องรู้”

  1. Pingback: หนังสือที่ระลึกงานศพ หนังสือแห่งความอาลัยรักแด่ผู้วายชนม์ | นิพพานกิฟ ของชำร่วยงานศพ ราคา

  2. รักเทพศิรินทร์

    Reply

    19 กันยายน – สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ประสาทพุทธสุภาษิต “น สิยา โลกวฑฺฒโน – ไม่ควรเป็นคนรกโลก” เป็นคติพจน์ประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์

    เมื่อปีพ.ศ.2462 ที่ประชุมสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ มีมติจากข้อเสนอให้สภากาชาดทุกชาติควรจัดตั้งกาชาดสำหรับเด็ก โดยจัดกิจกรรมและดำเนินการให้สอดคล้องกับระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ
    .
    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จึงทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ให้ดำรงตำแหน่งอุปนายกสภากาชาดสยาม ทรงรับหลักการจากการประชุมเมื่อปีพ.ศ.2462 ที่เสนอแนะให้กาชาดประเทศต่างๆ จัดตั้งกาชาดสำหรับเด็กขึ้น
    .
    ในที่สุด วันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2465 กิจการยุวกาชาด จึงได้รับการก่อตั้งขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “อนุสภากาชาดสยาม” รับเด็กอายุ 7 – 18 ปี เข้าเป็นสมาชิก ต่อมาวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2465 เป็นปีที่ตั้งหมู่อนุสภากาชาดสยามเป็นแห่งแรกขึ้น ณ โรงเรียนราชินี โดยหม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล พระอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนราชินี
    .
    สำหรับโรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้มีการจัดตั้งอนุสภากาชาดสยามขึ้นในปีพ.ศ.2466 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เปิดตัวหนังสือ “แถลงการศึกษาเทพศิรนทร์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 1” ในการนี้ บรรณาธิการ “หลวงสำเร็จวรรณกิจ” จึงได้น้อมนำโอวาทสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ขณะที่ยังดำรงสมณศักดิ์เป็น พระสาสนโสภณ ที่ประทานให้ไว้เมื่อพิธีการเข้ารับสมาชิกอนุสภากาชาดสยามประจำหน่วยแผนกมัธยมตอนต้น และตอนกลาง (เพิ่มเติม) โดยมีสมเด็จฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธี เอาไว้ในตอนต้นของเล่ม
    .
    วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2466 โรงเรียนเทพศิรินทร์จึงได้ยึดถือพุทธสุภาษิต “น สิยา โลกวฑฺฒโน” แปลว่า “ไม่ควรเป็นคนรกโลก” ไว้เป็นภาษิตประจำโรงเรียนนับแต่นั้นเป็นต้นมา
    .
    ทั้งนี้ แถลงการศึกษาเทพศิรนทร์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 ที่ได้ตีพิมพ์โอวาทดังกล่าว ระบุเอาไว้ว่า พิธีและการประทานโอวาท จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2466 แต่หนังสือที่คัดลอกต่อๆ กันมาในชั้นหลัง มักระบุวันที่ไว้เป็นวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2466
    .
    หนังสือที่รวบรวมข้อมูลและประวัติโรงเรียนเทพศิรินทร์ ในระยะแรกไม่มีการกล่าวถึงอัตลักษณ์โรงเรียนในข้อนี้ ในระยะหลังจึงเริ่มมีการกล่าวถึงไม่ว่าจะเป็น

    รบ คุณหิรัญ, “ประวัติโรงเรียนเทพศิรินทร์,” ใน ชื่นชุมนุมครบรอบ 60 ปี, 32. อุดม ชาตบุตร, บรรณาธิการ. พระนคร : ภักดิประดิษฐ์, 2506.

    หรือ “สังเขปประวัติโรงเรียน” ใน หนังสืออนุสรณ์ประจำรุ่น 2506, ถนอม บุญบุตร และคณะ, บรรณาธิการ. พระนคร : บุญส่งการพิมพ์, 2506.
    .
    ทว่า ล้วนแล้วแต่ไม่มีการระบุวันที่และเดือนที่แน่ชัด กล่าวเพียงปีพ.ศ.2466 เท่านั้น ในปีต่อๆ มาในหนังสือต่างๆ เช่น แถลงการศึกษาเทพศิรินทร์ ชื่นชุมนุม ก็ไม่มีการกล่าวถึงวันที่และเดือนเลย ในคราวรวบรวมข้อมูลโรงเรียนครั้งใหญ่ เมื่อครบ 100 ปี เริ่มต้นจาก

    รัตนะ ยาวะประภาษ, บรรณาธิการ. 100 ปี เทพศิรินทร์ 15 มีนาคม 2428 – 2528. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักพิมพ์ประกายพรึก, 2528.

    และ สุรพันธ์ ปานผา, บรรณาธิการ. 108 ปี โรงเรียนเทพศิรินทร์. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์พริกหวานกราฟฟิค, 2536.

    นับจากการฉลองอายุโรงเรียน 100 ปี และ 108 ปี จึงเริ่มระบุวันที่และเดือน แต่กลับเขียนวันที่ว่า 16 กันยายน 2466 และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ของโรงเรียนก็ได้ยึดถือกันมานับจากนั้น
    .
    ในโอกาสนี้ เพจบันทึกเทพศิรินทร์จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ให้เปลี่ยนความรับรู้ความเข้าใจ มาใช้ข้อมูลที่แท้จริง คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ประสาทพุทธสุภาษิต “น สิยา โลกวฑฺฒโน” ให้เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2466 และบัดนี้เป็นเวลา 98 ปีแล้ว
    .

  3. วัดเทพศิรินทราวาส

    Reply

    วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อถวายพระราชกุศลสนองพระเดชพระคุณแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระบรมราชชนนี พระราชทานนามว่า วัดเทพศิรินทราวาส

    พระอุโบสถเป็นอาคารทรงไทย ขนาด ๗ ห้อง หน้าบันเป็นแบบกระเท่เซร ก่ออิฐถือปูนไม่มีไขราหน้าจั่ว ประด้วยกระเบื้องเคลือบเลียนแบบเครื่องลำยองสถาปัตยกรรมไทย ภายในมีฐานชุกชีประดิษฐานพระประธาน มีลักษณะเป็นชุกชีฐานสิงห์ย่อมุมไม้สิบสอง รองรับพระเบญจาตั้งปราสาทจตุรมุขยอดมณฑป เพดานเป็นไม้จำหลักลายเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลต่าง ๆ

    พระเบญจานี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระเบญจาซึ่งประดิษฐานพระโกศทรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ เฉพาะชั้นกลางและชั้นบนมาประดิษฐานพระประธานและพระอัครสาวกในพระอุโบสถพระอารามนี้

    เผยแพร่เป็นวิทยาทานโดย #พิกุลบรรณศาลา
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0E5igSstXuyemVz6zUtrU7SztAZ1NmsPXdgJ1omiKZNJwDj4sudFKf3sXfPuGwH5Dl&id=100079051667801

  4. ktEWJxPgTFU

    Reply

    BkpdMHLt

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

 
 
 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Product added!
The product is already in the wishlist!
Removed from Wishlist

The product has been added to your cart.

Continue shopping View Cart