รู้ไหมว่าการฝังศพตั้งแต่ยุคเริ่มแรก จนถึงปัจจุบันนั้น มีการวิวัฒนาการมาแล้วหลากหลายวิธี ซึ่งในแต่ละยุคก็จะมีความแตกต่างกันไป ตามความเชื่อและวัฒนธรรมที่รับเอามาจากชาติอื่นในยุคนั้นๆ ด้วย
โดยเราจะพาคุณไปดูกันว่า พิธีกรรมศพ การฝังและเผาศพตั้งแต่ยุคเริ่มแรกมาจนถึงทุกวันนี้เป็นอย่างไร
ยาวไป เลือกอ่านหัวข้อที่ต้องการ
การฝังศพในยุคแรก เมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว
เมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว เป็นยุคที่เริ่มมีการฝังศพคนตายเป็นครั้งแรก โดยยุคนั้นยังไม่มีการเผาศพเกิดขึ้น ซึ่งการฝังศพก็จะฝังไว้ที่บริเวณใต้ถุนเรือนของคนตายนั่นเอง หรือบางแห่งก็อาจจะฝังไว้ตรงลานกลางบ้าน โดยจะมีการจัดท่าทางของศพให้นอนราบเหยียดยาวไปบนพื้น ไม่งอเข่า
แต่ทั้งนี้การฝังศพคนตายในยุค 5,000 ปีมาแล้ว จะทำเฉพาะกลุ่มคนที่มีอำนาจ มีบริวาร หรือเป็นกลุ่มคนชั้นนำเท่านั้น
ส่วนสามัญชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการฝังศพได้ เพราะเชื่อกันว่าพิธีกรรมนี้จะต้องทำในกลุ่มคนชั้นสูงเท่านั้น ดังนั้นกรณีที่เป็นศพของคนทั่วไป ก็จะถูกทิ้งไว้เฉยๆ นั่นเอง
ฝังศพครั้งที่สอง ต้นเค้าโกศ ในยุค 2,500 ปี
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาจนเข้าสู่ยุค 2,500 ปีมาแล้ว การฝังศพได้มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม ตามความเชื่อของคนในยุคนี้ โดยจะมีการฝังศพ 2 ครั้ง
“คนตายขวัญหาย ต้องเรียกขวัญ” กล่าวคือครั้งแรกก็จะฝังไว้ใต้ถุนเรือนหรือลานกลางบ้าน เช่นเดียวกับในยุค 5,000 ปีก่อน ซึ่งก็มีการนำเอาข้าวของเครื่องใช้ของคนตายฝังรวมกันไปด้วย เนื่องจากยุคนี้ชาวบ้านเชื่อว่าคนตายเพราะขวัญหาย หากขวัญกลับคืนเข้าร่าง ก็จะฟื้นขึ้นมาได้อีก
ซึ่งหลังจากฝังศพจนเนื้อหนังผุไปเหลือแต่กระดูก จะมีการนำเอากระดูก มาใส่ในภาชนะดินเผา และทำการฝังอีกครั้ง เรียกว่าเป็นการฝังครั้งที่สองนั่นเอง
โดยการฝังครั้งที่สองนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นต้นเค้าโกศที่เราใช้บรรจุกระดูกคนตายในปัจจุบัน เพียงแต่ในยุคก่อนนั้นบรรจุใส่ภาชนะดินเผา หรือบางกลุ่มชาติพันธุ์ก็บรรจุใส่ในภาชนะสำริด
ข้อมูลเพิ่มเติม: โกศ สิ่งบรรจุกระดูกของผู้ล่วงลับเพื่อแทนสัญลักษณ์แห่งความรำลึก
เริ่มต้นเผาศพแบบอินเดีย ในยุค 1,500 ปี
ในยุค 1,500 ปีมาแล้ว ได้มีการรับเอาพิธีกรรมการเผาศพมาจากอินเดีย ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่แพร่เข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์-พุทธ แต่ก็ยังคงมีวิธีการฝังศพและการปลงศพด้วยวิธีอื่นๆ อยู่ ได้แก่- การปลงศพด้วยดิน หมายถึง การฝัง
- การปลงศพด้วยน้ำ หมายถึง การโยนทิ้งในแม่น้ำ
- การปลงศพด้วยนก หมายถึง การทิ้งศพให้แร้งกามาจิกกิน
- การปลงศพด้วยไฟ หมายถึง การเผา
สร้างเมรุเผาศพ เลียนแบบนครวัต เมื่อ 400 ปีมาแล้ว
สำหรับเมรุเผาศพ พึ่งจะเริ่มมีเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้วนี่เอง โดยมีการสร้างเลียนแบบปราสาทนครวัต ซึ่งเริ่มแรกนี้จะใช้เมรุเผาศพสำหรับเจ้านายชั้นสูงเท่านั้นส่วนบุคคลที่มีลำดับชั้นต่ำลงมา หรือเป็นเพียงบุคคลทั่วไป ไม่สามารถเผาศพด้วยเมรุได้ ซึ่งจะต้องใช้วิธีการเผาศพบนเชิงตะกอนแทน แต่ในกลุ่มคนที่ยากจนมากก็ยังคงใช้วิธีการโยนศพให้แร้งกามาจิกกินดังเดิม
เริ่มมีเมรุในวัดทั่วไป เมื่อ 200 ปี
หลังจากที่มีเมรุเผาศพเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 400 ปีมาแล้ว ในเวลาต่อมาเมื่อยุค 200 ปี ก็ได้มีการสร้างเมรุขึ้นเพื่อใช้เผาศพตามวัดทั่วไป โดยสร้างเป็นเมรุแบบถาวรซึ่งมีขึ้นแห่งแรกที่ วัดเทพศิรินทราวาสจากนั้นก็เริ่มมีการสร้างขึ้นตามวัดต่างๆ ในกรุงเทพ และตามจังหวัด แถบชานเมืองต่างๆ จนกระทั่งมีเมรุอยู่ตามวัดทั่วไปนั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม: ประวัติของวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และความสำคัญที่คุณต้องรู้
นอกจากนี้ก็ยังมีการสร้างเมรุแบบถอดได้อีกด้วย โดยจะเรียกว่า “เมรุลอย” เป็นการเลียนแบบเมรุหลวงขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนสามัญชนทั่วไปที่พอมีฐานะ สามารถเช่ามาใช้ในการเผาศพได้ ส่วนใครที่มีฐานะด้อยกว่า หรือยากจนไม่สามารถเช่าเมรุลอยได้ ก็จะต้องเผาศพโดยการทำเชิงตะกอนแบบเดิม เพียงแต่จะมีการประดับประดาให้ดูดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
การฝังศพและเผาศพในยุคปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้การปลงศพจะนิยมปลงด้วยไฟ ซึ่งก็คือการเผาศพ ฌาปนกิจ นั่นเอง โดยจะเผาศพด้วยเมรุที่มีอยู่ตามวัดทั่วไป ซึ่งจะมีเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ยังคงใช้วิธีการฝังศพอยู่ เช่น คนไทยเชื้อสายจีน หรือกรณีที่เป็นเด็กทารกเสียชีวิต ก็จะใช้วิธีการฝังศพ เพราะมีความเชื่อกันว่าห้ามเผาศพทารกเด็ดขาด เพราะเด็กทารกมีความบริสุทธิ์ ยังไม่เคยทำบาปกรรมใดๆ จึงต้องฝังเพื่อให้สังขารสลายกลับคืนสู่แม่ธรณีต่อไปนั่นเอง
และนี่ก็คือ ประวัติการฝัง (Burial) และการเผาศพ (Cremation) ตั้งแต่ยุคเริ่มแรก จนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าการฝังและการเผาศพมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง จากการฝังศพไว้ใต้ถุนเรือน ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นการเผาศพ 2 ครั้ง และเริ่มมีการเผาศพซึ่งเป็นพิธีกรรมที่รับมาจากอินเดีย ก่อนจะมีการสร้างเมรุเผาศพเป็นลำดับต่อไป
โดยทุกวันนี้เราก็จะคุ้นเคยกับการเผาศพด้วยเมรุกันมากกว่า เพราะเป็นพิธีกรรมในการทำศพที่นิยมทำกันในปัจจุบัน ขณะที่การทำศพด้วยวิธีอื่นๆ ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาบ้างแล้วนั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม: เผาหลอก เผาจริง ประวัติความเป็นมาและความสำคัญ
บทความเกี่ยวกับงานศพ ครอบคลุมทุกขั้นตอน ครบถ้วนที่สุด คลิกอ่าน –> https://nippangift.com/category/funeral/