ขวัญคืออะไร – ขวัญของคน เป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณหลายพันปีมาแล้ว ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีความเชื่อเรื่องขวัญอยู่บ้าง โดยจะเห็นได้จากความเชื่อเรื่องขวัญบนหัวนั่นเอง
โดยขวัญคืออะไร มาจากไหน และมีความเชื่อเกี่ยวกับขวัญและวิญญาณอย่างไร เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจกัน
นิพพานกิฟ ของชำร่วย ราคาโรงงาน ราคาถูก ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิง ราคาส่ง
ยาวไป เลือกอ่านหัวข้อที่ต้องการ
ขวัญ คืออะไร
ตามความเชื่อของคนโบราณในอุษาคเนย์ เชื่อกันว่า ขวัญก็คือผีชนิดหนึ่ง ที่จะสิงสู่อยู่กับร่างกายของคน มีลักษณะพิเศษคือจับต้องไม่ได้ และมองไม่เห็น แต่มีความเป็นเอกเทศ
นั่นหมายความว่าขวัญอาจหนีหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ หรือบางครั้งอาจไปเที่ยวเล่นและหลงทางจนหาทางกลับสู่ร่างไม่ได้ก็มี โดยเมื่อคนมีอาการเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือตาย ก็จะเชื่อกันว่าเป็นเพราะขวัญหายนั่นเอง
และนอกจากขวัญของคนแล้ว ก็ยังเชื่อว่ามีขวัญอื่นๆ อีกด้วย เช่น ขวัญสัตว์ ขวัญอาคารสถานที่ และขวัญสิ่งของเครื่องใช้ เป็นต้น
ขวัญมาจากที่ใด
ไม่มีใครรู้ว่าขวัญมาจากที่ใด แต่เชื่อว่าขวัญอยู่กับคนมานานแล้ว และกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ซึ่งบางกลุ่มชนก็เชื่อว่าคนเรามีขวัญทั้งหมด 80 ขวัญ โดยกระจายอยู่ด้านหน้า 30 ขวัญและด้านหลังอีก 50 ขวัญ ที่สำคัญขวัญจะคอยกำกับและควบคุมคน จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่าหากขวัญหายไปบางส่วน คนนั้นจะมีอาการเจ็บป่วย ไม่สบาย และหากขวัญหายออกไปจากร่างทั้งหมด คนนั้นก็จะตายนั่นเอง
สำหรับขวัญที่หายออกไปจากร่างก็จะเรียกว่าผีขวัญ ส่วนร่างที่เหลืออยู่โดยไม่มีขวัญก็จะเรียกว่าผีคน
และยังมีความเชื่ออีกว่าผีขวัญอาจจะทำให้คนในครอบครัวหรือลูกหลานได้รับผลกระทบบางอย่างได้ ดังนั้นจึงต้องมีการทำพิธีส่งขวัญไปสู่โลกหลังความตายด้วย
ความเชื่อเกี่ยวกับขวัญและวิญญาณ
ความเชื่อเกี่ยวกับขวัญ มีมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรก โดยเชื่อว่าหากขวัญหายจะทำให้คนตาย “คนตายขวัญหาย ต้องเรียกขวัญ” ซึ่งความเชื่อดังกล่าวก็จะสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องวิญญาณในศาสนาพุธจากอินเดีย
ทำให้ในเวลาต่อมาเมื่อมีการรับเอาศาสนาพุธและพิธีกรรมในศาสนาพราหมณ์จากอินเดียเข้ามา ผู้คนก็เริ่มหันมาเชื่อในเรื่องวิญญาณกันมากขึ้น แต่เค้าโครงความเชื่อก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก โดยมีความเชื่อว่าร่างกายของคนเราจะมีวิญญาณสิงสู่อยู่ หากเมื่อใดที่คนตาย วิญญาณก็จะหลุดลอยออกไป และเวียนว่ายตายเกิดตามกฎแห่งกรรม
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับขวัญบนหัว
ขวัญบนหัว – เคยสังเกตไหมว่าบนหัวของคนเราจะมีขวัญอยู่ โดยเรียกกันว่า จอมขวัญ นั่นเอง
ซึ่งเชื่อว่าเป็นขวัญที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เกิดจากการที่มีขวัญมาสิงอยู่ในกะโหลกบนหัวกบาลตรงกลางกระหม่อม โดยจะมีลักษณะเป็นวงเหมือนกับก้นหอย และเชื่อกันว่าหากขวัญถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจะทำให้ขวัญหาย จนถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
ดังนั้นคนทั้งหลายจึงถือหัวเป็นอย่างมาก โดยพยายามไม่ให้ใครมาสัมผัสหรือเล่นหัวเด็ดขาด เนื่องจากลัวจะเกิดการกระทบกระเทือนกับขวัญจนทำให้ตายได้ ซึ่งตามปกติแล้วจะพบขวัญบนหัวของคนเราหนึ่งขวัญเท่านั้น แต่ก็มีบางคนที่พบว่ามีถึงสองขวัญ โดยในสมัยโบราณก็จะมีการล้อเลียนกันว่า “ ขวัญเดียว เขียวหมาวัด” “สองขวัญ ขยันหาผัว (หาเมีย)”
และเนื่องจากขวัญของคนที่มีลักษณะเป็นก้นหอยนี่เอง จนเกิดเป็นความเชื่ออีกว่าหากทำให้สิ่งใดมีลักษณะเป็นวงเหมือนก้นหอย จะมีขวัญมาสิงอยู่และช่วยคุ้มภัยป้องกันอันตรายจากสิ่งที่ไม่ดีได้ คนสมัยโบราณจึงนิยมทำเครื่องมือเครื่องใช้ขึ้นมาให้มีลวดลายเป็นเหมือนก้นหอยแบบเดียวกับขวัญของคน
ขวัญบนหัว ภาษาอังกฤษ คือ Hair whorl
เครื่องมือเครื่องใช้โบราณ ที่ทำลวดลายแบบก้นหอย
สำหรับเครื่องมือเครื่องใช้โบราณที่ค้นพบว่ามีการทำลวดลายแบบก้นหอยตามความเชื่อเรื่องขวัญบนหัว ก็มีดังนี้
1. เฉลว เครื่องจักรสาน
เฉลว เป็นเครื่องจักรสานชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นมาโดยใช้ตอกไม้ไผ่มาสานจนเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ โดยจะมีการทำขัดแตะเป็นลายขวัญแบบก้นหอยก่อนจะสานต่อไปจนเสร็จ ทั้งนี้พบว่าในยุคนั้นได้มีการฝังเฉลวไปพร้อมกับศพของคนตายด้วย เพราะเชื่อว่าอาจจะช่วยเรียกขวัญคนตายให้กลับมาได้
2. กลองทอง (มโหระทึก)
กลองทอง เป็นเครื่องดนตรีในยุคโบราณที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำพิธีเรียกขวัญให้กลับคืนสู่ร่าง โดยบริเวณกลางหน้ากลองทอง ก็มีการทำให้เป็นปุ่มขึ้นมาและมีลวดลายเหมือนกับขวัญบนหัว ตามความเชื่อเรื่องขวัญของคนในยุคนั้นเช่นเดียวกัน
3. หม้อบ้านเชียง
หากใครเคยไปชมหม้อดินเผาโบราณบ้านเชียง จะพบว่ามีลักษณะลวดลายเป็นเหมือนก้นหอยหรือขวัญของคน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำขึ้นมาตามความเชื่อเรื่องขวัญเช่นกัน และยังพบว่ามีการฝังหม้อบ้านเชียงลงไปพร้อมกับศพคนตายอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าความเชื่อเรื่องขวัญมีมาตั้งแต่โบราณในยุคหลายพันปีมาแล้ว ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงหลงเหลือความเชื่อเกี่ยวกับขวัญไม่มาก ที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องขวัญบนหัวนั่นเอง
แต่ทั้งนี้ความเชื่อบางอย่างก็ได้แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และความทันสมัยของเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า โดยมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ยังคงยึดติดกับความเชื่อแบบเดิมๆ อยู่